1. Mass to Masstige
หนังสือกระดาษจะทยอยเปลี่ยนจากตลาด mass ไปสู่ตลาด masstige ที่ใฝ่หาความหรูหราพิเศษกว่าเดิม อนาคตจะมีเฉพาะคนที่มีกำลังทรัพย์เท่านั้นที่จะยินดีซื้อหนังสือมาอ่าน ส่วนคนไม่มีกำลังทรัพย์ส่วนมากจะยอมไปใช้สื่อฟรีบนโลกออนไลน์ที่ยินดีกับการแฝงด้วยโฆษณา คุณภาพของหนังสือกลุ่ม masstige ที่ขายจะต้องเข้มข้นขึ้นมากกว่าเดิมอย่างมาก และเป็น rare item มากขึ้น ราคาต่อเล่มจะสูงขึ้น วัสดุจะดีขึ้น เป็นสินค้าสำหรับตลาดพรีเมี่ยม จำนวนน้อยลง แต่คุณภาพสูงขึ้น ได้มูลค่าสูงขึ้น ได้กำไรต่อเล่มสูงขึ้น 2. From Books to Tablet for Young adults หนังสือเรียนแบบกระดาษของชั้นป.4-6,ม.1-6,มหาวิทยาลัย จะขายได้น้อยลงทุกๆ ปีเพราะนักเรียนระดับอายุนี้จะไปใช้สื่อการเรียนบน tablet มากขึ้นเพราะน้ำหนักเบากว่า พกง่ายกว่า ขึ้เกียจแบก เด็กโตสามารถใช้หน้าจอแบบนี้ได้โดยไม่มีผลต่อพัฒนาการ เทรนด์นี้มีตัวเร่งคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังโรคระบาดหาย 3. Pre-school kids need books หนังสือกระดาษจะมีส่วนสำคัญมากกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพราะกลุ่มนี้ไม่เหมาะกับการใช้หน้าจอ เพราะอุปกรณ์หน้าจอมีผลต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและการปฏิสัมพันธ์ของเด็กเล็ก หนังสือสำหรับกลุ่มนี้จึงยังขายได้ดี 4. Paper book is Online Study Tools ปัจจุบันมีสื่อการสอนสำหรับเรียนออนไลน์มากขึ้นเพราะวัฒนธรรม stay at home ดังนั้นดีมานด์การเรียนออนไลน์จะมีมากขึ้น แต่ทั้งนี้หนังสือกระดาษมีความสำคัญในฐานะสื่อประกอบการเรียนออนไลน์ กลุ่มที่เรียนออนไลน์จะยังคงต้องการหนังสือกระดาษเพื่อการจด ขีดเขียน ช่วยเพิ่มสมาธิในการเรียนมากกว่าการเรียนจากหน้าจอและ tablet ที่เขียนได้ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง 5. Uncertainty market of Prep-test books หนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะยังมีความไม่แน่นอน มีได้หลายกรณี 5.1.คงขายได้ก็ต่อเมื่ออนาคตแนวโน้มสถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้นจนทำการจัดสอบ offline ได้ 5.2.หนังสือเตรียมสอบจะขายได้น้อยลงอย่างมากถ้าสถานการณ์โรคระบาดไม่ดีขึ้นภายใน2ปี เพราะถ้าโรคระบาดยังไม่ดีคนใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่ได้ จะจัดสอบ offline ไม่ได้ เมื่อไม่ต้องสอบ สื่อเตรียมสอบจะมีดีมานด์ลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง สถานการณ์แบบนี้จะทำให้นักเรียนม.ปลายหลายคนจะเริ่มต้นสมัครทำงานโดยใช้วุฒิ ม.6 ไปเลย และดีกรีมหาวิทยาลัยจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ แต่ว่าใบ cert เรียนออนไลน์คอร์สย่อยๆ ในทักษะที่รองรับการทำงานยุคอนาคตจะสำคัญขึ้นมาแทน นักเรียนที่อยากเรียนสายสังคมต่างๆ จะไม่จำเป็นต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกต่อไป เพราะหาเรียนในออนไลน์จากมหาวิทยาลัยที่เปิดขายหลักสูตรออนไลน์ได้ทันที 5.3 สื่อเตรียมสอบจะยังคงขายได้เหมือนเดิม แต่จะย้ายจากหนังสือกระดาษมาเป็น online สถานการณ์จะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อสามารถจัดสอบ internet at home based test ซึ่งต้องอาศัย infrastructure จากรัฐบาลให้ประกาศใช้ระบบการยืนยันตัวตน National Digital ID ด้วย biometric และอีกเงื่อนไขคือทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ทั่วกัน 6. Specific community create targeted books demand หนังสือที่ไม่ใช่หนังสือการศึกษาตามระบบจะเกิดขึ้นมาตามการเติบโตของชุมชนออนไลน์ เช่น นิยายออนไลน์โตตามกรุ๊ปคนอ่านนิยายออนไลน์ หนังสือการเงินการลงทุนจะเกิดขึ้นตามชุมชนย่อยๆ ที่เป็นแหล่งรวมตัวของผู้มีความสนใจเดียวกัน การขายหนังสือทั่วไปแนวนี้จำเป็นต้องมี community รองรับ ไม่งั้นทำออกมาก็เจ๊ง ไม่มีคนซื้ออ่าน ดังนั้นสำนักพิมพ์ที่ไม่มี community ของตัวเองจะไม่สามารถอยู่รอดได้ 7. The end of Dictionaries and reference book หมดยุคพิมพ์หนังสืออ้างอิงแล้ว หนังสือที่มีไว้สำหรับอ้างอิงเพื่อการค้นคว้าและหมวดพจนานุกรมจำเป็นต้องย้ายเข้าไปสู่ฐานข้อมูลอ้างอิงบนเว็บไซต์ออนไลน์ที่เป็นลักษณะ reference library แบบจ่ายเงินเพื่ออ่าน เพราะการค้นหาบนเว็บไซต์ง่ายกว่าเป็นหนังสือ เป็นลักษณะค้นหาฟรีนะ แต่ถ้าอยากดูเต็มๆ ต้องจ่ายด้วย e-payment แบบต่างๆ จะถือกำเนิด reference marketplace ขึ้นมา ซึ่งจะผูกขาดโดยเจ้าเดียวโดยความร่วมมือของสถาบันการศึกษาต่างๆ และเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสืออ้างอิง ใน marketplace นี้มีระบบแบ่งเงินให้ผู้สร้างสรรค์สื่ออ้างอิงอีกด้วย 8. Less branches, massive bookstore เมื่อสถานการณ์โรคระบาดกลับมาเป็นปกติ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลร้านหนังสือจะปิดสาขาลงจำนวนมากและรวมพลังย้ายเข้าไปสู่พื้นที่กลางเมือง CBD และ sub center ของแต่ละย่าน ต้องเป็นทำเลเดินทางสะดวกซึ่งมีเจ้าของเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งอยู่ใน Prime Location ขนาดของร้านหนังสือแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่ยักษ์เพื่อสามารถบรรจุหนังสือทุกเล่มทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ความสนใจ มาที่เดียวต้องจบ ตัวอย่างเช่น kyobo book center ที่ gwanghwamun เมือง Seoul 9. The Future of Book Fair งานสัปดาห์หนังสือจะต้องเปลี่ยนรูปแบบเป็นงานที่มีทั้งสำนักพิมพ์และสื่อใหม่มา cross กัน เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเดียวกัน ได้ประโยชน์ร่วมกัน การร่วมมือระหว่างสองสมาคมจะเกิดขึ้น อีกแนวทางคือ ยังคงเป็นงานหนังสือที่จัดโดย organizer เดิม แต่รูปแบบงานจะเปลี่ยนเป็นงาน showcase มากขึ้น ไม่ได้เน้นขาย ณ ขณะนั้น แต่เน้นการตลาดมากกว่า เพราะงานขายจะรับผิดชอบโดยเว็บไซต์ร้านหนังสือออนไลน์ ลูกค้าจะเปิดหนังสือตัวอย่าง ถ้าชอบอยากซื้อก็สแกนบาร์โค้ดเพื่อ add to shopping cart แล้วจะมีหนังสือส่งไปทางไปรษณีย์ถึงบ้าน ลูกค้าไม่ต้องแบกกลับเองอีกต่อไป แต่ถ้าสถานการณ์โรคระบาดยังไม่ดีขึ้น งานหนังสือจะเป็นงานที่คนค่อยๆ ลืมไปด้วยข้อจำกัดทางการรับรู้ผ่านหน้าจอที่มีจำกัดนั่นเอง สมาคมผู้จัดพิมพ์จึงต้องเร่งสร้างคอมมูนิตี้ส่วนกลาง ส่วนสำนักพิมพ์ที่อยู่รอดคือมีช่องทางขายผ่านออนไลน์ต่างๆ ปัจจัยนี้สัมพันธ์กับเทรนด์ข้อ 6 ว่าด้วย community 10. Coordination is the king เพราะความร่วมมือคือหนทางอยู่รอดของวงการbook, ebook และ creative business การร่วมมือจะต้องเกิดขึ้นทั้งภายในองค์กร, ระหว่างองค์กรเพื่อแชร์กลุ่มเป้าหมายรวมกัน รวมถึงความร่วมมือกับองค์กรอื่นอย่างสมาคมสื่อใหม่ เพจต่างๆ , สื่อทีวี ช่อง 3 7, และบริการ streaming เช่น Line TV netflix เพื่อสร้างคอนเทนต์ร่วมกัน แต่ละองค์กรจึงควรจัดให้มีผู้ที่ทำหน้าที่เป็น Mediator คอยสร้างการประสานร่วมมือกันระหว่างองค์กร อนาคตของวงการหนังสือจะเป็นเช่นไร อยู่ที่คน เขียนโดย ต่อทอง ทองหล่อ [email protected] สำนักพิมพ์ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์ www.thinkbeyondbook.com 17 APR 2020
0 Comments
แจ้งร้องทุกข์เพื่อการพัฒนาเมืองกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผ่านช่องทาง http://www.bangkok.go.th/rongtook/ และ http://bit.ly/2GMh2zJ มีรายงานการดำเนินงานและติดตามผลดังนี้ ปี 2017
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
April 2020
Categories |